ศูนย์ความเป็นเลิศด้านการแพทย์บูรณาการและสาธารณสุข
Centre of Excellence in Integrative Medicine and Public Health
- สารจากอธิการบดี - กล่าวถึงความตั้งใจ/ความคาดหวัง (เหตุผล) ที่ตั้งศูนย์ฯ ขึ้นมา
ศูนย์ความเป็นเลิศด้านการแพทย์บูรณาการและสาธารณสุขแห่งนี้ตั้งขึ้นตามเจตนารมณ์ของมหาวิทยาลัยรังสิต จากความคิดริเริ่มของท่านอธิการบดี ด้วยความตั้งใจในการยกระดับความตระหนักรู้และความรู้ของประชาชนคนไทยและสังคม โดยมีจุดมุ่งหมายคือเพื่อให้คนไทยสามารถที่จะช่วยเหลือตัวเองได้โดยไม่ต้องพึ่งระบบสาธารณสุขของรัฐมาก เพราะอย่างที่รู้กันว่าเวลานี้ระบบสาธารณสุขของเรานั้นค่อนข้างมีทุนจำกัด ความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงการบริการด้านสาธารณสุขก็มีมากพอสมควร ส่วนค่ายาค่ารักษาก็ถีบตัวสูงขึ้น
- เป้าหมายของการเปิดศูนย์ความเป็นเลิศด้านการแพทย์บูรณาการและสาธารณสุข
การจัดตั้งศูนย์ฯ มีเป้าหมายหลักเพื่อปกป้องสุขภาพของประชาชนไทย พร้อมทั้งสร้างผู้นำด้านสุขภาพที่สามารถรวบรวมข้อมูลและหลักฐานจากหลายแหล่ง นำมาวิเคราะห์และสังเคราะห์จนสามารถพัฒนาเป็นองค์ความรู้ที่มีความน่าเชื่อถือและนำไปใช้ได้จริง ตลอดจนดำเนินการวิจัยและพัฒนาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของแนวทางการดูแลสุขภาพในระยะยาว
- ข้อจำกัดขององค์ความรู้ด้านสุขภาพในปัจจุบัน
ในปัจจุบัน ระบบการแพทย์และการรักษาโรคของประเทศไทยพึ่งพาแนวทางตามแบบแผนตะวันตกเป็นหลัก โดยยึดตามตำรา วารสารทางการแพทย์ และแนวทางปฏิบัติที่อ้างอิงจากหลักฐานเชิงประจักษ์ (Evidence-Based Medicine) อย่างไรก็ตาม การใช้แนวทางดังกล่าวจำเป็นต้องพิจารณาแหล่งที่มาของข้อมูลอย่างรอบคอบ เนื่องจากอาจได้รับอิทธิพลจากกลุ่มธุรกิจหรือบริษัทยา ซึ่งอาจส่งผลต่อความแม่นยำและความน่าเชื่อถือของข้อมูลทางการแพทย์ - บทเรียนจากสถานการณ์โรคระบาด
ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงข้อจำกัดของระบบสาธารณสุขและแนวทางการรักษา ตลอดจนความท้าทายของวัคซีนที่ถูกนำมาใช้เพื่อควบคุมโรค โดยมีรายงานถึงประสิทธิภาพที่จำกัด รวมถึงผลข้างเคียงในระยะยาว เช่น ภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง และปัญหาสุขภาพอื่น ๆ ที่ยังคงต้องมีการศึกษาต่อไป
ข้อมูลจากหลายประเทศพบว่าอัตราการเสียชีวิตที่เพิ่มขึ้นอย่างผิดปกติมีความเชื่อมโยงกับการฉีดวัคซีนอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะตั้งแต่ปี 2021 เป็นต้นมา นอกจากนี้ ยังมีการเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับการสมคบคิดขององค์กรหลักในสหรัฐอเมริกา เช่น USAID, NIH, CDC และ FDA ตลอดจนปัญหาการแทรกแซงของภาคธุรกิจต่อวารสารทางการแพทย์และสถาบันวิจัย ส่งผลให้เกิดนโยบายการควบคุมข้อมูลที่อาจกระทบต่อความโปร่งใสของการสื่อสารทางการแพทย์
- แนวทางสุขภาพที่ยั่งยืนและเป็นอิสระ
เพื่อให้ประชาชนสามารถพึ่งพาตนเองได้ ศูนย์สุขภาพแบบบูรณาการจึงให้ความสำคัญกับการรักษาแบบองค์รวม โดยไม่มุ่งเน้นเพียงการใช้ยา แต่ให้ความสำคัญกับการรักษาที่มีประสิทธิภาพและปลอดภัย คำนึงถึงความคุ้มค่าทางเศรษฐศาสตร์ เพื่อให้ประชาชนทุกกลุ่มสามารถเข้าถึงบริการทางสุขภาพได้
- การแพทย์บูรณาการและแนวทางการพัฒนา
ศูนย์ฯ ให้ความสำคัญกับการบูรณาการศาสตร์การแพทย์ทั้งแผนปัจจุบัน การแพทย์แผนไทย การแพทย์แผนจีน และการใช้สมุนไพร โดยมุ่งเน้นการพัฒนากระบวนการทางวิทยาศาสตร์เพื่อสนับสนุนการวิจัยที่มีคุณภาพ รวมถึงการปรับโครงสร้างระบบสาธารณสุขให้สามารถรองรับแนวทางที่เหมาะสมกับบริบทของประเทศไทย
นอกจากนี้ การพัฒนาเทคโนโลยีที่เหมาะสมในการวินิจฉัย การรักษา และการป้องกันโรคเป็นสิ่งจำเป็น เพื่อให้สามารถตอบสนองต่อความต้องการด้านสุขภาพของประชาชนอย่างมีประสิทธิภาพ อันจะนำไปสู่ระบบสุขภาพที่ยั่งยืนและเป็นอิสระจากอิทธิพลของธุรกิจด้านการแพทย์และยา
- วิสัยทัศน์ พันธกิจ หลักคิดในการทำงานของศูนย์ฯ
- เป้าหมายของการเปิดศูนย์ความเป็นเลิศด้านการแพทย์บูรณาการและสาธารณสุข
- วิสัยทัศน์
เป็นศูนย์สุขภาพต้นแบบที่มุ่งเน้นการบูรณาการศาสตร์การแพทย์ทั้งแผนปัจจุบันและทางเลือก เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงระบบสุขภาพที่มีคุณภาพ ปลอดภัย และยั่งยืน ลดการพึ่งพาปัจจัยภายนอกและสร้างองค์ความรู้ที่เป็นอิสระสำหรับการดูแลสุขภาพในระดับบุคคลและสังคม - พันธกิจ
- ส่งเสริมองค์ความรู้ด้านสุขภาพโดยการรวบรวม วิเคราะห์ สังเคราะห์ และพัฒนาแนวทางการรักษาและป้องกันโรคที่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์รองรับ
- พัฒนาแนวทางการรักษาแบบองค์รวม ที่ผสมผสานการแพทย์แผนปัจจุบัน แพทย์แผนไทย แพทย์แผนจีน และสมุนไพร เพื่อให้ประชาชนสามารถเลือกแนวทางการรักษาที่เหมาะสมกับตนเอง
- สร้างระบบสุขภาพที่เข้าถึงได้ โดยลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงบริการสุขภาพ สนับสนุนการใช้ยาที่ปลอดภัย มีประสิทธิภาพ และมีต้นทุนที่เหมาะสม
- ส่งเสริมการพึ่งพาตนเองด้านสุขภาพ ผ่านการให้ความรู้และพัฒนาทักษะด้านการดูแลสุขภาพเชิงรุกแก่ประชาชน
- ผลักดันการปรับโครงสร้างระบบสาธารณสุข เพื่อให้เกิดความยั่งยืนและลดอิทธิพลจากกลุ่มธุรกิจที่แสวงหาผลกำไรเกินควรจากระบบสุขภาพ
- หลักคิดในการทำงานของศูนย์
- หลักฐานองค์รวมและความโปร่งใส - รวบรวมวิเคราะห์หลักฐานรอบด้านไม่ใช่เพียงแต่ตำราหรือวารสารการแพทย์ คำแนะนำจากหน่วยกลาง แต่เป็นการสรุปหลักฐานทั้งหมดรวมทั้งสิ่งที่ปรากฏจริงในคนไทย ทั้งนี้เพื่อขจัดอคติและความเบี่ยงเบนที่เชื่อมโยงกับผลประโยชน์ทับซ้อนและรวมถึงนำไปปฏิบัติในระดับประชาชนได้ เป็นการแพทย์และสาธารณสุขสะอาด
- ใช้ข้อมูลที่ผ่านการตรวจสอบทางวิทยาศาสตร์อย่างรอบด้าน และเผยแพร่ข้อมูลอย่างโปร่งใสเพื่อให้ประชาชนสามารถตัดสินใจได้อย่างมีข้อมูล
- การแพทย์แบบองค์รวม - พิจารณาสุขภาพในทุกมิติทั้งร่างกาย จิตใจ และสังคม รวมถึงการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรค
- การเข้าถึงและความเป็นธรรม - มุ่งเน้นให้ประชาชนทุกกลุ่มสามารถเข้าถึงการดูแลสุขภาพได้ โดยไม่ถูกจำกัดด้วยต้นทุนทางเศรษฐกิจหรือปัจจัยเชิงโครงสร้าง
- ความร่วมมือและการมีส่วนร่วม - ส่งเสริมความร่วมมือระหว่างภาควิชาการ หน่วยงานรัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน เพื่อพัฒนาแนวทางสุขภาพที่ตอบโจทย์สังคมไทย
- นวัตกรรมและการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง - สนับสนุนการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่เหมาะสม และปรับปรุงระบบสุขภาพให้ทันสมัยและมีประสิทธิภาพ
- ผู้อำนวยการ เจ้าหน้าที่ และนักวิจัยในศูนย์ฯ
- ศาสตราจารย์นายแพทย์ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา
เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านอายุรกรรมและด้านสมอง ระบบประสาท รวมทั้งโรคติดเชื้อและภูมิคุ้มกันทางระบบประสาท อดีดดำรงตำแหน่งศาสตราจารย์ด้านอายุรศาสตร์และประสาทวิทยา คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ท่านเป็นผู้บุกเบิกงานวิจัยด้านโรคพิษสุนัขบ้าในมนุษย์มากกว่า 3 ทศวรรษ โดยเฉพาะการศึกษาพยาธิสรีรวิทยา การกำเนิด และการพัฒนาการรักษาและวินิจฉัยใหม่ๆ รวมทั้งหลักปฏิบัติขององค์การอนามัยโลกสำหรับผู้สัมผัสโรค ได้รับการแต่งตั้งเป็นคณะผู้เชี่ยวชาญด้านโรคพิษสุนัขบ้าขององค์การอนามัยโลก และเป็นผู้ก่อตั้งศูนย์ความร่วมมือขององค์การอนามัยโลกด้านพยาธิกำเนิดและการป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าที่สถานเสาวภา สภากาชาดไทย นอกจากนี้ อดีตท่านยังดำรงตำแหน่งเป็นหัวหน้าศูนย์โรคอุบัติใหม่-วิทยาศาสตร์สุขภาพ สภากาชาดไทย (TRC EID-HS) และ ผู้อำนวยการศูนย์ความร่วมมือขององค์การอนามัยโลกด้านการวิจัยและฝึกอบรมโรคติดเชื้อจากสัตว์สู่คน
ท่านมีบทบาทสำคัญในการวางมาตรการดูแลการรับมือโรคโควิดและการดูแลรักษา
มีผลงานวิจัยตีพิมพ์ในวารสารนานาชาติชั้นนำมากกว่า 160 เรื่อง เกี่ยวกับโรคพิษสุนัขบ้า โรคติดเชื้อในระบบประสาท และโรคทางระบบภูมิคุ้มกัน รวมถึงได้รายงานถึงผลกระทบแทรกซ้อนจากโควิดวัคซีนซึ่งจะต้องมีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงให้ปลอดภัยที่สุดรวมกระทั่งถึงระบบในการติดตามตัวผู้ได้รับผลกระทบที่ครอบคลุมและโปร่งใส
ได้รับรางวัล นักวิจัยดีเด่นแห่งชาติ จากสภาวิจัย นักวิทยาศาสตร์ดีเด่นแห่งชาติจากมูลนิธิส่งเสริมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในพระบรมราชูปถัมภ์ฯ ในปี 2547 โล่เกียรติยศ จากสมาคมนานาชาติประสาทวิทยาและได้รับเชิญเป็นวิทยากรในการประชุมวิชาการระดับนานาชาติหลายครั้ง รวมทั้งเป็นคณะกรรมการในที่ประชุมองค์การอนามัยโลก เรื่องโรคพิษสุนัขบ้าและโรคคล้ายวัวบ้าในมนุษย์
- นายแพทย์ธนรักษ์ ผลิพัฒน์ เป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านระบาดวิทยาที่มีบทบาทสำคัญในการจัดการโรคติดต่อของประเทศไทย ปัจจุบันดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข รับผิดชอบเขตสุขภาพที่ 3 จบการศึกษาแพทยศาสตรบัณฑิตจากมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ปริญญาโทสาธารณสุขศาสตร์จากมหาวิทยาลัยมหิดล และปริญญาเอกด้านระบาดวิทยาจาก University of California, Los Angeles สหรัฐอเมริกา นอกจากนี้ยังได้รับวุฒิบัตรความรู้ความชำนาญในการประกอบวิชาชีพเวชกรรม สาขาเวชศาสตร์ป้องกัน แขนงระบาดวิทยา จากแพทยสภามีประสบการณ์ทำงานอันโดดเด่นในตำแหน่งสำคัญของกรมควบคุมโรค เช่น ผู้อำนวยการสำนักจัดการความรู้ ผู้อำนวยการศูนย์ความร่วมมือไทย-สหรัฐ ด้านสาธารณสุข (TUC) ผู้อำนวยการสำนักระบาดวิทยา และรองอธิบดีกรมควบคุมโรค เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดการภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุขและมีบทบาทสำคัญในการวางมาตรการควบคุมป้องกันโรคติดเชื้ออุบัติใหม่หลายโรค เช่น SARS ไข้หวัดนก ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 และโควิด-19 มีผลงานวิชาการตีพิมพ์มากกว่า 90 เรื่อง ได้รับรางวัลเกียรติยศหลายรางวัล อาทิ รางวัลศิษย์เก่าดีเด่นจากคณะแพทยศาสตร์และมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ศิษย์เก่าดีเด่นคณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล และโล่เกียรติยศประเภทผู้ทำคุณประโยชน์จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
- นพ.ชลธวัช สุวรรณปิยะสิริ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังและภูมิคุ้มกันวิทยาที่มีประสบการณ์ทั้งในระดับประเทศและนานาชาติ จบการศึกษาปริญญาแพทยศาสตรบัณฑิตจากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (1994) และได้รับวุฒิบัตรผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังจากสถาบันโรคผิวหนัง (2000) นอกจากนี้ยังได้รับทุนฝึกอบรมที่ University of Pennsylvania, USA และสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาเอกด้านภูมิคุ้มกันวิทยาจาก Thomas Jefferson University, USA (2006) เคยดำรงตำแหน่งอาจารย์ด้านภูมิคุ้มกันวิทยาและภูมิแพ้ผิวหนัง รวมถึงเป็นที่ปรึกษาทางการแพทย์ให้กับบริษัทเครื่องสำอางระดับโลก หัวหน้าศูนย์โรคผิวหนังและเวชศาสตร์ความงามที่โรงพยาบาล MedPark และเป็นอาจารย์รับเชิญด้านภูมิคุ้มกันวิทยาและโรคผิวหนังในหลายสถาบันชั้นนำของประเทศไทยผลงานวิจัยและบทความทางวิชาการหลายฉบับในวารสารทั้งในประเทศและต่างประเทศ อาทิ การศึกษาทางด้านภูมิคุ้มกันวิทยา และโรคผิวหนังต่างๆ และเป็นผู้เขียนบทความวิชาการเรื่อง "Immunotherapy, stem cell and gene therapy in dermatology" ในตำราโรคผิวหนังปี 2010 และ 2020
- ดร.พัทธมน วิโรจนภิรมย์ นักวิจัยและนักวิทยาศาสตร์การแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญด้านโรคติดเชื้อไวรัส โดยเฉพาะโรคพิษสุนัขบ้าและโรคติดเชื้ออุบัติใหม่ จบการศึกษาระดับปริญญาตรีวิทยาศาสตร์บัณฑิต (เทคนิคการแพทย์) ด้วยเกียรตินิยมอันดับ 1 และได้รับทุนปริญญาเอกกาญจนาภิเษก และจบปริญญาเอกด้าน Biomedical Science จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (GPA 4.00) งานวิจัยเด่นด้านพันธุศาสตร์ของไวรัสพิษสุนัขบ้า การพัฒนาเทคนิคการตรวจวินิจฉัย การศึกษาพยาธิวิยาและการศึกษาการรักษาโรคติดเชื้อ
ประสบการณ์ทำงานที่โดดเด่น ได้แก่ การทำวิจัยร่วมกับมหาวิทยาลัย Oita ประเทศญี่ปุ่นเพื่อตัดต่อพันธุกรรมเชื้อไวรัสพิษสุนัขบ้า (Reverse genetics) การทำวิจัยหลังปริญญาเอกที่ศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ ซึ่งพัฒนาเทคนิคการตรวจวินิจฉัยเชื้อไวรัสที่ก่อโรคสมองอักเสบ การศึกษาเกี่ยวกับ long covid และการทำงานในฐานะที่ปรึกษาที่ศูนย์โรคอุบัติใหม่-วิทยาศาสตร์สุขภาพ สภากาชาดไทย (TRC EID-HS) และเป็นผู้ประสานงานศูนย์ความร่วมมือองค์การอนามัยโลก รวมทั้งมีประสบการณ์ทำงานภาคเอกชนกับบริษัท Roche Thailand ในฐานะ Medical Scientific Liaison ด้านมะเร็งวิทยา (Oncology)
มีผลงานตีพิมพ์ในวารสารวิชาการนานาชาติหลายฉบับ โดยเฉพาะงานวิจัยเกี่ยวกับกลไกการเพิ่มความรุนแรงของไวรัสพิษสุนัขบ้า การพัฒนาวิธีการตรวจวินิจฉัยไวรัสโรคอุบัติใหม่ และล่าสุดคือการศึกษาเกี่ยวกับเชื้อ SARS-CoV-2 ในการตรวจสายพันธุ์ใหม่ที่มีการกลายพันธุ์หลายตำแหน่ง
ดร.พัทธมน มีความเชี่ยวชาญด้านเทคนิคทางอณูชีววิทยาหลากหลาย และมีความสามารถในการประสานงานระหว่างหน่วยงานวิจัยทั้งในประเทศและต่างประเทศ เช่น ความร่วมมือกับสถาบันนันยางในสิงคโปร์ ในการพัฒนาสารต้านไวรัสแบบออกฤทธิ์กว้าง, คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัย Oita ประเทศญี่ปุ่น ในการศึกษาการรักษาโรคพิษสุนัขบ้า
- ณีรนุช รักยิ่ง นักวิจัยและนักวิทยาศาสตร์ด้านจุลชีววิทยาประยุกต์ กำลังศึกษาระดับปริญญาเอกสาขาวิทยาศาสตร์ชีวภาพ (หลักสูตรนานาชาติ) ที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (KMUTT) โดยได้รับทุนเพชรพระจอมเกล้าดุษฎีบัณฑิต
เชี่ยวชาญด้านการออกแบบและพัฒนาเปปไทด์ต้านจุลชีพและแบคเทอริโอซิน โดยใช้เทคนิคทางอณูชีววิทยาและชีวสารสนเทศ มีความชำนาญในการผลิตโปรตีนลูกผสมในระบบ E. coli และ Bacillus sp. รวมถึงเทคนิคการทำบริสุทธิ์และวิเคราะห์โปรตีน ผลงานที่โดดเด่น ได้แก่ การพัฒนาเปปไทด์ต้านจุลชีพจากมนุษย์ (human antimicrobial peptide) และแบคเทอริโอซินที่มีฤทธิ์ต้านแบคทีเรียแบบกว้าง นอกจากนี้ยังมีผลงานการพัฒนาอาหารเลี้ยงเชื้อราคาประหยัดสำหรับการผลิตโปรตีนในระดับอุตสาหกรรม เป็นเจ้าของสิทธิบัตร 2 รายการเกี่ยวกับการผลิตเปปไทด์ต้านจุลชีพจากมนุษย์และแบคเทอริโอซิน มีผลงานวิจัยตีพิมพ์ในวารสารระดับนานาชาติ และได้รับรางวัลจากการประกวดนวัตกรรมหลายรายการ เช่น รางวัลที่ 1 Thailand Innovation Awards 2018 และรางวัลเหรียญทองจาก The Novel Research and Innovation Competition 2019 ประเทศมาเลเซีย
ปัจจุบันมีประสบการณ์การทำงานเป็นผู้สอนพิเศษที่ KMUTT และเป็นวิทยากรด้านกระบวนการเรียนรู้และพัฒนาทักษะการแก้ปัญหา มีความสามารถในการบริหารโครงการด้านการศึกษาและนวัตกรรม
- ความสนใจ โครงการที่ศูนย์ฯ กำลังดำเนินการ และลักษณะของกิจกรรมที่ศูนย์ฯ มีความสนใจ
- บทความ ผลงาน ผลงานวิจัยของศูนย์ฯ/สมาชิกของศูนย์
- โครงการข้อมูลชีวภาพสำหรับคนไทย
โครงการนี้ริเริ่มโดยวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต ซึ่งอยู่ในขั้นตอนการขออนุมัติต่อคณะกรรมการจริยธรรมการวิจัยในมนุษย์ โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อรวบรวมข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับชีวภาพของคนไทย โดยใช้กลุ่มอาสาสมัครที่เป็นบุคลากรมหาวิทยาลัยรังสิต (อายุ 18-60 ปี) ข้อมูลพื้นฐานนี้จะช่วยในการระบุคุณลักษณะเฉพาะตัวของบุคคล ศึกษาความปกติของระบบร่างกาย และพัฒนาเป็นบริการที่เป็นประโยชน์ต่อคนไทยอย่างแท้จริง - โครงการวิเคราะห์ประสิทธิภาพของสูตรสมุนไพรไทยที่มีคุณสมบัติต้านไวรัสกับการติดเชื้อไวรัสทางเดินหายใจ
โครงการนี้ดำเนินการร่วมกับคณะเวชศาสตร์เขตร้อน มหาวิทยาลัยมหิดล และได้เริ่มต้นแล้ว โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อทดสอบประสิทธิภาพของสมุนไพรไทยในการต้านไวรัสที่มีผลกระทบต่อระบบทางเดินหายใจ ไวรัสที่อยู่ในขอบเขตการทดสอบ: Monkeypox virus, Avian influenza virus, Respiratory syncytial virus และ SARS-CoV-2 (สายพันธุ์ล่าสุด) - การคัดเลือกสมุนไพรที่มีฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรียดื้อยาและวัณโรคดื้อยา
โครงการนี้มุ่งเน้นการศึกษาคุณสมบัติของสมุนไพรไทยในการต่อสู้กับเชื้อแบคทีเรียที่ดื้อต่อยาปฏิชีวนะและเชื้อวัณโรคที่ดื้อต่อยา เพื่อพัฒนาทางเลือกในการรักษาและลดผลกระทบจากปัญหาการดื้อยาที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นในปัจจุบัน - การรวบรวมคุณสมบัติของสมุนไพรเพื่อการรักษาโรคไม่ติดต่อและโรคติดต่อในกลุ่ม RNA และ DNA ไวรัส
โครงการนี้มุ่งเน้นการวิเคราะห์สมุนไพรที่รวบรวมโดยวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก โดยเฉพาะสมุนไพรที่มีศักยภาพในการรักษาโรคไม่ติดต่อ เช่น โรคอ้วน โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ภาวะสมองเสื่อม มะเร็ง และโรคติดต่อในกลุ่ม RNA และ DNA ไวรัส โดยมีเทคนิคที่ใช้ ได้แก่ Molecular docking, Molecular simulation dynamics - การประเมินผลกระทบระยะยาวของโรคเมตาบอลิกและโควิด-19 รวมถึงวัคซีนในคนไทย
โครงการใหม่ที่มีวัตถุประสงค์ในการทดสอบระดับโปรตีนอะไมลอยด์ในเลือด เพื่อวิเคราะห์ขนาดและปริมาณของโปรตีนดังกล่าวในผู้ที่ได้รับผลกระทบจากโรคเมตาบอลิกและโควิด-19 รวมถึงผลกระทบจากวัคซีน - การพัฒนาระบบการจัดการสุขภาพเพื่อเปลี่ยนแปลงการจัดการสุขภาพในประเทศไทย
โครงการนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อพัฒนาระบบที่สามารถนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงในด้านการจัดการสุขภาพของประเทศไทย และเป็นแนวทางสำหรับนักศึกษาของมหาวิทยาลัยรังสิตที่กำลังศึกษาในสาขาระบบสุขภาพ - การสร้างนวัตกรรมที่เหมาะสมและเครือข่ายความร่วมมือในงานวิจัย
ทีมงานของศูนย์จะรับผิดชอบในการพัฒนานวัตกรรมที่เหมาะสมและเชื่อมโยงงานวิจัยกับการปฏิบัติในห้องปฏิบัติการ โดยมุ่งเน้นการใช้ทรัพยากรเครือข่ายภายในมหาวิทยาลัยรังสิตเป็นหลัก และขยายความร่วมมือกับเครือข่ายภายนอกเพื่อลดต้นทุนการลงทุนในอุปกรณ์ - การพัฒนาโครงการหารายได้และบริการของศูนย์จากข้อมูลวิจัยและการฝึกอบรมในอนาคต
รายได้ของศูนย์ความเป็นเลิศด้านการแพทย์บูรณาการและสาธารณสุขจะมาจากบริการที่เกิดขึ้นหลังการรวบรวมข้อมูลวิจัยและการฝึกอบรมโดยจะฝึกอบรมแพทย์แผนปัจจุบัน แพทย์แผนไทย และประชาชนทั่วไป เช่น เกี่ยวกับการใช้กัญชาและกระบวนการผลิตที่เหมาะสม และความรู้พื้นฐานและการนำไปใช้ประโยชน์ทางระดับโมเลกุล
- Web Blog สำหรับพวกเราทุกคน (อยู่ระหว่างการดำเนินการ)
- บทความวิชาการที่น่าสนใจที่พวกเราเห็นว่าน่าสนใจ อาจทำเป็นลิงค์ไปยังบทความนั้นๆ รวมถึงการเขียนสรุปสั้นๆ ว่าบทความนั้นๆ น่าสนใจตรงไหนอย่างไร
- health Nexus: ไขปัญหาสุขภาพ YouTube, Podcast
- องค์กร หรือหน่วยงาน ภาคี/พันธมิตร (อยู่ระหว่างการติดต่อ)
Centre of Excellence in Integrative Medicine and Public Health
ศูนย์ความเป็นเลิศด้านการแพทย์บูรณาการและสาธารณสุข